มัทนะพาธา
ตำนานดอกกุหลาบ
เพิ่มเติมเนื้อหาลิงค์ด้านล่าง
มัทนะพาธาแต่งเป็นบทละครพูด
เป็นศิลปะการแสดงที่เพิ่งนิยมกันในปลายรัชกาลที่ ๕
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จไปทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พระองค์สนพระทัยละครพูดของตะวันตกมาก
โปรดการเสด็จไปทอดพระเนตรการแสดงละครพูดและต่อมาก็ได้ทรงวิจารณ์การละครทรงพระราชนิพนธ์บทละคร ทรงจัดแสดงละครตลอดจนทรงแสดงละครเอง ในขณะที่ทรงศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ
เสด็จนิวัติประเทศไทยในพ.ศ. ๒๔๔๕
ขณะทรงพระชนมายุ ๒๒ พรรษา
ได้ทรงตั้งทวีปัญญาสโมสรขึ้นที่พระราชวังสราญรมย์
แล้วทรงสร้างโรงละครเล็กขึ้นสำหรับการแสดงละครพูดโดยเฉพาะ เรียกว่า
โรงละครทวีปัญญา
บทละครพูดที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในระยะแรกๆ
เป็นเรื่องที่ทรงแปลแล้วดัดแปลงมาจากบทละครภาษาอังกฤษ เช่น
เรื่องชิงนาง หาโล่ เห็นแก่ลูก
เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้อยแก้ว ที่เป็ ร้อยกรองก็เป็นบทละครพูดคำกลอน เช่น
พระร่วง เวนิสวานิช เป็นต้น
มีเพียงเรื่องเดียวที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เป็นบทละครพูดคำฉันท์คือ มัทนะพาธา
หรือ ตำนานดอกกุหลาบ
มัทนะพาธาเป็นบทละครพูดคำฉันท์ ๕ องก์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อ พ.ศ.
๒๔๖๖
ซึ่งเป็นช่วงที่มีพระราชกิจมาก
ขณะทรงพระประชวรและประทับอยู่ ณ พระราชวังพญาไทต่อจากนั้นก็เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคประทับแรมตามที่ต่างๆเช่น
บางปะอิน สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ลพบุรี โดยได้ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องมัทนะพาธาไปด้วย จนเมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ วันที่ ๔
ตุลาคม ๒๔๖๖
และทรงพระราชนิพนธ์ต่อที่พระราชวังพญาไทจนจบเมื่อวันที่ ๑๘
ตุลาคม ๒๔๖๖ ทรงใช้เวลาพระราชนิพนธ์ ๑
เดือน ๑๗ วัน
ต่อมาในเดือนมกราคม ๒๔๖๗
ได้ทรงแปลบทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธาเป็นร้อยแก้วภาษาอังกฤษพร้อมด้วยอภิธานศัพท์ เมื่อทรงแปลเสร็จในเดือนพฤษภาคม ๒๔๖๘ ก็ได้พระราชทานแก่พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากรเพื่อให้พิจารณาทูลเกล้าฯ ถวายความเห็น
พระวงศ์เธอ
กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากรกราบบังคมทูลว่า
ทรงเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษมาก
น่าจะทรงพระราชนิพนธ์เป็น blank verse (กลอนเปล่า ซึ่งเป็นคำประพันธ์ที่กำหนดจำนวนคำโดยไม่บังคับสัมผัส แต่เน้นจังหวะของเสียง) ตามแบบบทละครพูดของเชคสเปียร์ได้ จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลใหม่เป็นร้อยกรองตามคำกราบบังคมทูล แต่ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ถึงกลางองค์ที่ ๔
ก็ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตเสียก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งจะเริ่มทรงพระราชนิพนธ์ ได้ทรงพยายามหาคำบาลีสันสกฤตสำหรับชื่อ ดอกกุหลาบ
พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป ขณะยังเป็นรองอำมาตย์โทหลวงธุรกิจภิธาน)
ค้นได้ศัพท์ภาษาสันสกฤตว่า กุพชก
แต่ได้ทรงพระราชวินิจฉัยว่าถ้าจะให้เป็นชื่อนางเอกอาจต้องเปลี่ยนเสียงพยางค์หลังเป็น กุพชกา
ซึ่งมีเสียงน่าฟัง
แต่จะไปตรงกับศัพท์ที่แปลว่า
นางค่อม จึงทรงเลือกใช้คำว่า มัทนา
เป็นชื่อนางเอก มัทนา มาจากศัพท์
มทน แปลว่า ความลุ่มหลง หรือ
ความรัก นอกจากนั้นเมือทรงพบศัพท์ มัทนพาธา
จากพจนานุกรมสันสกฤตซึ่งมีความหมายว่า
ความเจ็บหรือเดือดร้อนแห่งความรัก
ซึ่งตรงกับแก่นเรื่องของบทละครเรื่องนี้
จึงทรงใช้ชื่อว่า มัทนะพาธา หรือตำนานแห่งดอกกุหลาบ
บทละครเรื่องมัทนะพาธาได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรประกาศยกย่องให้เป็นหนังสือที่แต่งดีใช้คำฉันท์เป็นบทละครพูดซึ่งแปลกและแต่งยากเป็นเรื่องที่มีตัวละครและฉากสอดคล้องกับวัฒนธรรมภารตะโบราณ และเข้ากับเนื้อเรื่องดี นับว่าทรงพระปรีชาสามารถมาก วรรณคดีสโมสรจึงได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม
ถวายประกาศนียบัตร เมื่อวันที่ ๑๑
พฤษภาคม ๒๔๖๗
มัทนะพาธามีการผูกเรื่องให้มีความขัดแย้งเป็นปมปัญหา คือ
ให้สุเทษณ์หลงรักมัทนา
แต่มัทนาไม่รับรัก
สุเทษณ์จึงกริ้ว
บทบาทของสุเทษณ์คือ
ผู้ยิ่งใหญ่ที่เมื่อไม่ได้ดังใจเพราะรักไม่สมหวังก็โกรธแล้วลงโทษ
มัทนาจึงต้องลงมาเกิดในโลกมนุษย์เป็นการชดใช้ มัทนาพบรักกับชัยเสน แต่ความรักก็ไม่ราบรื่นเพราะมีอุปสรรคคือ นางจัณฑี
ความริษยาและความแค้น
ทำให้จัณฑีคิดร้ายต่อมัทนา
มัทนาจึถูกพรากไปจากชัยเสน
และได้พบสุเทษณ์อีกครั้งแต่มัทนาก็ยังไม่เปลี่ยนใจ เรื่องจึงจบด้วยความสูญเสีย สุเทษณ์ไม่สมหวังในความรัก ชัยนเสนสูญเสียคนรัก และมัทนาต้องเปลี่ยนสภาพมาเป็นเพียงดอกกุหลาบ
แก่นเรื่อง (Theme) ของมัทนะพาธา คือ ความเจ็บปวดและความเดือดร้อน เพราะความรัก
สุเทษณ์เป็นทุกข์เพราะหลงรักมัทนา
ดังคำรำพันว่า
“หากไม่สมรักก็เหมือนตายทั้งเป็น”
จันฑีเป็นทุกข์เพราะสามีไม่รัก มัทนาเป็นทุกข์เพราะถูกพรากจากสามี และชัยเสนเป็นทุกข์เพราะสูญเสียนางที่รัก เนื้อเรื่องจึงสอดคล้องกับชื่อเรื่องว่า มัทนะพาธา
ซึ่งหมายถึงความเจ็บปวด
และความเดือดร้อน
เพราะความรักนอกจากนั้นความรักยังมีอานุภาพมากจนทำให้มนุษย์กล้าตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ใคร่ครวญ
มัทนะพาธาเป็นหนังสือที่แต่งได้โดยยาก
โดยเฉพาะรูปแบบการประพันธ์
ในเรื่องนี้มีคำประพันธ์ประเภทฉันท์ชนิดต่างๆ ถึง
๒๑ ชนิด ทั้งที่เป็นฉันท์ที่นิยมแต่งกันมาแต่โบราณ เช่น
อุปชาติ อินทรวิเชียร วสันตดิลก
ภุชงคปยาต เป็นต้น และที่ไม่ค่อยปรากฏในวรรณคดีเรื่องอื่นๆ เช่น
มันทักกันตา เมฆวิปพุชชิตา กุสุมิตลดา สวาคตา
เป็นต้น ที่อยู่ในหนังสือมี ๗ ชนิด คือ
อินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลก วิชชุมมาลา
อินทวงศ์ สาลินี จินตรปทา
บางตอนก็ใช้กาพย์ยานี
กาพย์ฉบัง หรือ กาพย์สุรางคนางค์ ซึ่งวางรูปเป็นบทสนทนา นับว่าเป็นบทเจรจาที่ใช้คำประพันธ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติเพราะฟังได้ราบรื่นรับช่วงกันดี
นอกจากนั้นยังมีบทเจรจาร้อยแก้วในส่วนขอตัวละครที่ไม่สำคัญเช่น บทเจรจาระหว่างนาคกับศุน ศิษย์ของพระกาละทรรศินในต้นองก์ที่ ๒
การใช้ลีลาภาษาที่หลากหลายอ่านได้ไม่รู้สึกเบื่อตอนใดต้อการดำเนินเรื่องรวดเร็วก็ใช้ร้อยแก้วตอนใดที่ต้องการจังหวะเสียงและความคล้องจองก็ใช้กาพย์ ตอนใดเน้นอารมณ์มาก็ใช้ฉันท์
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เรื่องมัทนะพาธาด้วยพระปรีชาญาณและสุตาญาณอันกว้างขวาง พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า ทรงสดับตรับฟัง และทรงวินิจฉัย
จนถ่องแท้ก่อนที่จะทรงสร้างสรรค์เป็นงานศิบปะไม่ว่าจะเป็นการที่พระราชวินิจฉัยเรื่องชื่อนางเอกหรือทรงพิจารณาโศลกอธิบายคุณสมบัติของดอกกุหลาบในคัมภีร์สันสกฤตว่า
กุพฺชกะงามดังสาวรุ่น มีดอกใหญ่ มีเกสรยิ่งทนมาก
สะพรั่งด้วยหนาม มีฝูงผึ้งเขียวเป็นกลุ่ม
กุพชกะมีกลิ่นหอม กินอร่อย หวานมีรสเลิศ
ระงับตรีโทษ เจริญราค เย็นสบาย แก้โรคเช่นท้องร่วง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำข้อความนี้มาเป็นคำอธิบายของมายาวินเพื่อทูลสุเทษณ์ว่ามีไม้ดอกชนิดหนึ่งที่น่าจะกำหนดให้เป็นกำเนิดของมัทนาในโลกมนุษย์
ด้วยพระปรีชาญาณ
และพระสุตาญาณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บทละครพูดคำฉันท์เรื่องมัทนะพาธา
จึงเป็นวรรณคดีที่ทรงคุณค่าสมควรที่เราจะอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ เพื่อให้ประจักษ์คุณค่านั้นอย่างแท้จริง
Slot machines - JM Hub
ตอบลบLotto in 김제 출장안마 the Philippines is one of the 대전광역 출장마사지 most popular, and loved games that 전주 출장안마 you can play in your living room. 삼척 출장안마 This game takes the 부천 출장샵 popular slot machines from the