วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

มัทนะพาธาองค์ 2

องก์ที่ ๒
ตอนที่ ๑
ฉาก : ในกลางหิมะวัน.
เป็นลานหญ้าอยู่ในระหว่างต้นไม้ใหญ่งาม ๆ, ที่ตรงกลางแห่งด้านหลังของเวที มีต้นกุหลาบอยู่ต้น ๑, ซึ่งมีดอกแต่ดอกเดียว, เป็นดอกใหญ่, สีชมพูแก่. นอกจากต้นกุหลาบ มีต้นดอกไม้อย่าอื่นอีกบ้างก็ได้, และตามต้นไม้มีกล้วยไม้กำลังออกดอกไสวอยู่หลายช่อ.
เปิดม่านขึ้นเห็นเวทีว่างอยู่. แล้วนาค และศุน, ศิษย์ของพระกาละทรรศินมุนี, จึงออกมา.
นาค.                มันอยู่ทางนี้แน่ ! แกไม่ได้กลิ่นหรือ 
ศุน.                  ฮือ !
นาค.                จะพูดอะไรก็ไม่พูด. มีแต่ร้องฮือเท่านั้น
ศุน.                  ก็จริง ๆ นี่ ให้ตายสิ ! (ลงนั่งเหยียดตีน และแสดงอาการกิริยาเหนื่อย.)
นาค.                จริงอะไร

ศุน.                  อยู่ดี ๆ ใช้ให้ตามหากลิ่น ใครจะไปหาพบ. (นอนเหยียดลงกับพื้น)
นาค.                ทำไมจมูกแกไม่มีหรือ
นั่งบนตอไม้.
ศุน.                  ก็มีน่ะสิ ! แต่เกิดมายังไม่เคยรับใช้เช่นนี้เลย ข้าสูดหากลิ่นเสียจนจมูกเยิ้มแล้ว รู้ไหม

นาค.                จมูกเยิ้มก็ดีอยู่แล้ว แปลว่าแกไม่เจ็บ.
ศุน.                  เอ๊ะ ! อย่างไรกัน

นาค.                ข้าเคยสังเกตเห็นอ้ายด่างของข้า
, เมื่อไรจมูกมันแห้งละก็แปลว่ามันไม่สบาย.
ศุน.                  อุวะ แล้วกัน ! เอาข้าไปเข้าประเภทหมาเสียแล้ว !
นาค.                ก็ดีนี่นะ
, หมาจมูกมันเก่งกว่าคนเราอีก.
ศุน.                  (ยกมือปัด) เฮ้ย ! อย่าเล่นน่า ! จั๊กกะจี้. (ผงกหัวขึ้นมอง.) เอ๊ะ ! พิกลแฮะ หมายว่าแกเล่นรังแกอีก. ที่แท้แมลงภู่น่ะเอง (นอนลงอีก)
นาค.                แกว่าแมลงภู่หรือ
 เอ ! ท่าทางชอบกล ! (ลุกขึ้นเดินมอง)
ศุน.                  นั่นลุกขึ้นเดินไขว่อยู่ทำไม่นะ
ข้าเวียนหัวพิลึก.
นาค.                ที่ไหนมีแมลงภู่ต้องมีของหอม ฉะนั้น
เดินค้นต่อไป.
ศุน.                  (เอกเขนกขึ้น หันหน้าไปทางหลังเวที) แกนี่- (เห็นดอกกุหลาบจึ่งร้องขึ้น.) นั่นแน่ะ ! ได้ตัวแล้ว ให้ตกนรกสิ !
นาค.                อะไร

ศุน.                  อ้ายของหอมของแก. (ชี้ดอกกุหลาบ.) นั่นเป็นไร.
นาค.                (เดินเข้าไปยังต้นกุหลาบ.) จริงของแก อ้ายดอกนี่เอง. เอ๊ะ!เขาเรียกดอกอะไรนะ
ศุน.                  ชบา
นาค.                บัดซบ! ชบาหอมมีหรือ !
ศุน.                  มี หอมเขียว !
นาค.                มิลักขู ! หอมเขียวมีหรือ

ศุน.                  ไม่มีก็เเล้วไปสิ
นาค.                อีกประการหนึ่ง ชบาไม่มีหนาม นี่หนามชุมพลึก.
ศุน.                  ถ้าฉะนั้นเรียกว่าอะไรล่ะ

นาค.                ถ้าข้ารู้ข้าจะถามแกหรือ
 แต่บางทีโสมะทัตจะรู้จัก ไปบอกข่าวให้เขาทราบเห็นจะดีนะ.
ศุน.                  ดีสิ. แกรีบไปเถอะ.
นาค.                ก็แกล่ะ

ศุน.                  ข้าจะอยู่เฝ้าตนไม้นี่. (นอนลงอีก)
นาค.                ชิ ๆ ! มันจะหายไปไหนได้เทียวนะ ต้นไม้มันเดินหนีไปเองได้เมื่อไร.
ศุน.                  ก็เผื่อมีคนมาลักเอาไปเสียล่ะ

นาค.                ผู้คนอะไรมีมาในป่านี้นอกจากพวกเรา.
ศุน.                  ก็พวกเราน่ะแหละ ถ้าแม้ว่าเราไปเสียทั้งสองคน แล้วมีคนอื่นในพวกเรามาพบต้นไม้นี่เข้าแล้วรีบเอาความไปเรียนท่านอาจารย์ได้ก่อน เรามีขาดทุนหรือ

นาค.                ก็จริงอยู่ แต่ว่าถ้าท่านอาจารย์ได้ทราบข่าวที่ท่านปรารถนาแล้ว ก็เป็นผลเท่ากันไม่ใช่หรือ

ศุน.                  มันจะเท่ากันอย่างไรได้ พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย ใครเป็นผู้นำความไปบอกได้ก่อน คนนั้นก็ต้องได้บำเหน็จสิ.
นาค.                ถ้าเช่นนั้นแกไปบอกข่าวเถอะ จะได้ได้บำเหน็จ.
ศุน.                  อ๋อ
, ข้าไม่เป็นที่อยากได้บำเหน็จถึงปานนั้นดอก. แกไปเถอะ.
นาค.                สรุปความก็เป็นอันว่า แกขี้เกียจเกินที่จะเดินไปรับบำเหน็จ แต่ไม่อยากให้ใครแย่งความชอบ ฉะนั้นหรือ

ศุน.                  สรุปความว่าแกมัวพูดอยู่เช่นนี้เสียเวลาเปล่า ! จะไปก็ไปเถอะ เดี๋ยวก็จะตามหาโสมะทัตไม่พบเท่านั้นเอง !
โสมะทัต, หัวหน้าศิษย์ของพระกาละทรรศินออก.
โสมะทัต.         ได้ยินใครออกชื่อฉันหรือ 
ศุน.                  (ตกใจ. รีบนั่งขึ้น.) ผมเองขอรับ ออกนามนาย. (ชี้ด้นกุหลาบ.)
ผมหาพบ ดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมได้แล้วขอรับ นั่นขอรับ.
โสมะทัต.          ก็ดีแล้ว แต่ทำไมไม่รีบไปบอกฉัน 
ศุน.                  ผมกำลังจะรีบไปอยู่แล้ว-
โสมะทัต.         ฉะนั้นจึ่งยังนอนเหยียดยาวฉะนั้นหรือ 
ศุน.                  ที่ผมเหยียดนั้นก็เพื่อให้แข้งขายืดเสียก่อน แล้วจะลุกขึ้นวิ่งไปโดยรวดเร็วเต็มฝีเท้า.
โสมะทัต.           อ้อ ! ถ้าฉะนั้นเมื่อได้เตรียมพร้อมอยู่แล้วที่จะวิ่ง ก็ออกวิ่งไปเรียนท่านอาจารย์ให้ทราบเดี๋ยวนี้.
ศุน.           ขอรับ ! ไปปรี๋อเป็นลมพัดเทียวละขอรับ. (ไหว้แล้วลุกขึ้นวิ่งเข้าโรงไป.
โสมะทัตไปพิจารณาดูกุหลาบด้วยความพิศวงอยู่ครู่ใหญ่ ๆ แล้วจี่งกลาวคำชม.
อุปัฏฐิตา, ๑๑.
โสมะทัต.                    อันบุษปะประหลาด               
งามสรรพะวิไล-          ยะวิเศษะมาลี
สีแดงก็มิจ้า                  ดุจะดอกชบาสี
งามดังดรุณี                 ยละเพลินเจริญตา
กลิ่นหอมก็ระรวย       รสะลมรำเพยพา
ถึงไหนฤก็น่า               จะระรื่นภิรมย์หวน
แม้แต่ศิระเกล้า            วนิดาละอองนวล
เห็นแน่จะประมวล      วรลักษะณานาง
ลอยภาชะนะน้ำ           ก็จะทำอุทกพลาง
หอมรื่นระสะอย่าง       สุรเทวะโอสถ
จัดภาชนะตั้ง               พะลิเทวะทรงยศ
กลิ่นหอมบละลด         จะประลุณเเดนสรวง
อันบุษปะประเสริฐ     ณสกลพิภพปวง
งามเลิศและเหมาะดวง    ฤดิเท่าบพึงหา

กาละทรรศิน คณาจารย์ออก, มีศุนกับบริวารอื่น ๆ ถือจอบเสียมตามมาหลายคน.

ฉบงง, ๑๖.
กาละทรรศิน.              ไหนเล่าต้นไม้ที่ว่า                   มีดอกสง่า
และหอมประเสริฐส่งไกล 
ศุน.                  อยู่นี่เจ้าข้า ! ข้าไซร้                  เป็นผู้ที่ได
ประสบพบดอกอัศจรรย์
นาค..               ตูข้ามาด้วยพร้อมกัน
ศุน.                  แต่ว่าดิฉัน
เป็นผู้ประสบพบแท้
นาค..               ตูข้าเดินหาเจียนแย่                  ส่วนเขานอนแผ่
สบายอยู่กลางปัฐพี
ศุน.                  จะนอนหรือนั่งตามที               แต่เห็นของดี-
เพราะโชคเท่านั้นบันดาล !
กาละทรรศิน.              มัวเถียงกันไม่เข้าการ !                        ไปเก็บดวงมาลย์
มาใหัเราพลันทันใด.

พระกาละทรรสินไปนั่งบนตอไม้. ฝ่ายนาคกับศุนนั้นต่างวิ่งแย่งกันไปเก็บดอกกุหลาบ นาคเปืนผู้ยื่นมือเข้าไปถูกหนามเข้าก็หดมือกลับโดยอาการตกใจ, ฝ่ายศุนหัวเราะเยาะและยื่นมือเข้าไป, ก็ถูกหนามบ้างต้องหดมือกลับออกมาเหมือนกัน.)

โสมะทัต.                    สองคนอย่ามัวราไร !               ท่านสั่งแล้วไย
มิทำดังท่านบัญชา
นาค..               ไม่ไหวจริงจริงเจ้าข้า
ศุน.                  ท่านดีลองมา
เก็บเอาไปเองเถิดหนอ.
โสมะทัต.                    อย่ามัวพูดจาต่อล้อ                   ต่อเถียงเราหนอ
จงเก็บดอกไมัโดยพลัน.
นาค..               โอ้ช่างไม่เห็นใจกัน !               ใช่ว่าดิฉัน
จะแสร้งขัดคำพี่พราหมณ์
จริงจริงอยากใคร่ทำตาม                      แต่ว่าถูกหนาม !
ศุน.                  โอยเจ็บพลึกกึกกือ !
โสมะทัต.                    แกทิ้งสองคนหัวดื้อ                 ไร้ความนับถือ
จึ่งขัดคำเราผู้ใหญ่
ช่างเถิดไม่จำต้องใช้ !
ศุน.                  ดีแล้วเชิญไป
ถูกหนามเล่นบ้างแหละดี !

โสมะทัตตรงเข้าไปจะเด็ดดอกกุหลาบ, ถูกหนามเข้าบ้างต้องหดมือออกมา ศิษย์สองคนหัวเราะ ซี่งทําให้โสมะทัตขัดใจ, ชักมีดเหน็บออกจะฟันกิ่งกุหลาบ.)

กาละทรรศิน.              ช้าก่อน ! อย่าตัดมาลี               ที่งามเช่นนี้
เราอยากใคร่ใหัขุดไป
ปลูกหน้าอาศรมเพื่อได้                        ดูเล่นต่อไป
อีกนานสำราญฤดี

โสมะทัตสั่งพวกบริวารให้ขุดต้นกุหลาบ. พอบริวารเอาเครื่องมือขุดลงก็มีเสียงเหมือนผู้หญิงร้อง "โอ๊ย !" พวกบริวารตกใจ, โจษกันต่าง ๆ นานา โสมะทัตบังคับให้ขุดอก ก็มีเสียงร้องเช่นนั้นอีกทุกคราวเล่นตลกพูดกันเองพอสมควร, แล้วในที่สุดพวกบริวารไม่มีใครกล้าขุด โสมะทัตจะลงมือขุดเอง,แต่พระกาละทรรศินยกมือห้ามไว้)

อุเปนทะวิเชียร, ๑๑.)
กาละทรรศิน.              อ๊ะ !อย่านะอย่าเพ่อ                  ผิวะมิ่งสุมาลี
จะไปกะเรานี้               ละก็จึ่งจะพาไป
เพราะเราสิเล็งญา-                   ณะเเละทราบฉะนี้ได้
ผะกาพิเศษไซร้                        บมิใช่ผะกาจริง
และเป็นวะธูผู้              ปะระเศรษฐะยอดหญิง
เพราะรักษะสัจยิ่ง                    บมิยอมจะเสียธรรม์
ก็ถูกกำราบให้             จุติจากณแดนสวรรค์
กำเนดประดุจพัน-                   ธุผกาพิเศษนี้
ณ วันพระจันทร์เพ็ญ               ก็จะเป็นสุนารี
และคงฉะนั้นมี                        เฉพาะหนึ่งทิวากาล
และเอกะราตรี             ก็จะกลับสกนธ์ปาน
ผะกาสุคนธ์หวาน                    รสระรื่นระรวยไซร้
ณ ถิ่นวนารัณ-             ยะกะนี้สิอยู่ไกล
กุฎีและทิ้งไว้               จะลำบากสกนธ์นาง
ฉะนั้นจะกล่าวชวน                 จระไปณสวนข้าง
กุฎีดนูพลาง                 จะทะนุถนอมดี

พระกาละทรรศินลุกขึ้นไปที่ต้นกุหลาบ แล้วพูดกับต้นกุหลาบต่อไป.)

สัทธะรา, ๒๑.
อ้ามาลีเลิศฤดีเพลิน,             สุวิมะละและเจริญ
ข้าจะขอเชิญ                ผะกาไป
สู่สวนงามข้างกุฏิให้                ระมะณิยะจะบำรุงไว้
เพื่อบมีภัย                    พิบัติปวง
ข้ารับคำว่าจะแหนหวง                        ประดุจะวรธิดาดวง
ใจจะใฝ่ห่วง                 สุดาภา
อ้าเชิญไปกับบิดานา !              ดรุณิอภยะครา
ขุดชะลอพา                 จรัลไป !

พระกาละทรรศินเรียกเอาหม้อน้ำไปหลั่งที่โคนต้นกุหลาบ. พิณพาทย์ทำเพลงรัวฉิ่ง. พอพระกาละทรรศินหลั่งนํ้าเสร็จแล้ว.. สั่งให้บริวารขุดต้นกุหลาบ.คราวนื้ไม่มีเสียงร้องเช่นครั้งก่อน; พิณพาทย์ทำเพลงฉิ่งในเวลาที่ขุดตลอดจนขุดเสร็จ, และพวกบริวารจัดการยกต้นกุหลาบขึ้นจากหลุมแล้ว, พิณพาทย์จี่งหยุด)

ฉบงง, ๑๖
กาละทรรศิน.              บัดนี้เจ้าอย่าร่ำไร                     ช่วยกันยกไป
ยังสวน ณ อาศรมสถาน
ต้องดีอย่าได้ลนลาน                ประคองเมื่อผ่าน
ที่เดินลำบากยากเข็ญ
จำไว้ว่าไม้นี้เป็น                      ของวิเศษเช่น
บ่มี ณ ดินแดนใด
ตามมาข้าจะนำไป                   โสมะทัตไซร้
จงคอยกำกับตามมา.

พิณพาทย์ทำเพลงเชิด.พระกาละทรรศิน.เดินนำเข้าโรง, บริวารนำต้นกุหลาบตามไป.)

ตอนที่ ๒
ทางเดินในดง

ใช้เป็นม่านม้วนทิ้งระหว่างหลบ, เขียนเป็นภาพต้นไม้และกอหนาม.
ท้าวชัยเสนออก, พร้อมด้วยศุภางค์, กับทหารและพรานอีกสี่ห้าคน.

อินทะวิเชียร, ๑๑.
ชัยเสน.                        เรามัวละเลิงไล่                        มิคะงามตะบึงบ้า
จนลึกณกลางป่า                      และระอิดระอาใจ
บัดนี้มิรู้ว่า                    ดละแทบณหนใด
อีกทั้งจะเดินไป                       บริวารบตามทัน
เขาคงจะเป็นห่วง                    และวิตกเพราะเราครัน
ใครเจนพะนารัณ-                    ยะประเทศะถิ่นนี้ 

ศุภางค์สอบถามพวกพราน. พูดกันเบา ๆ แล้วจึงกราบทูล

ศุภางค์.                        พวกพรานกระบวนตาม                      พระเสด็จก็ไม่มี
ผู้ใดชำนาญที่               จะทำนูลถนัดได้
แต่เคยสดับซึ่ง             วะจะเขาแถลงไซร้
ว่ากลางอรัญใหญ่                    ณ ประเทศะแถบนี้
ยังมีสำนักองค์             วรพรหมะโยคี
ผู้ครองคณาชี               ปฏิบัติตะปาการ
พรานรับจะไปค้น                    พระนิวาสคณาจารย์
แล้วมาแถลงการณ์                  ผิวะพบพระอาศรม
ชัยเสน.                        ดีแล้ว,และเรานี้                       ก็จะพักณใต้ร่ม
พฤกษาสุขารม-                       ยะตลอดณราตรี
เพราะว่าจะเดินต่อ                   ฤก็เหนื่อยณบัดนี้
เมื่อยล้าวะรินทรี-                     ยะและใคร่จะผ่อนกาย
คึนนี้ก็จวนเพ็ญ                       ศศิธรจะงามหงาย
โพยภัยและสัตว์ร้าย                 ผิจะมาก็เห็นพลัน
จงใช้คณาพราน                       จรรีบณไพรสันฑ์
หาที่พระนักธรรม์                    ธนิวาสนกลางไพร
อีกให้ทหารบาง                       จรย้อนวิถีไป
จนพบกระบวนใหญ่               ละก็นำกระบวนมา
ที่เหลือก็ให้ถาง                        ติณะใต้สุพฤกษา
ไทรย้อยลออตา                        ละก็คงจะพอพัก
จนกว่ากระบวนใหญ่              จรพร้อมก็จึงจัก
สร้างค่ายและที่พัก                  ณประเทศะถิ่นควร
ฉบงง, ๑๖.
ศุภางค์.                        ข้าจะได้สั่งถี่ถวน                    ตามภูมิศวร
ได้มีพระราชบัญชา.
พวกพรานจงตามเรามา                       บัดนี้อย่าช้า
จะใช้ไปตามมุ่งหมาย.

ศุภางค์ถวายปังคมท้าวชัยเสนและเข้าโรงไปกับพวกพราน.)

อุปชาติ, ๑๑.
ชัยเสน.                        อโหระลึกขึ้น               ละก็สุดจะเสียดาย !
ได้เคยประสบหลาย                 มิคะแล้วบ่เคยเห็น
กวางงามอร่ามทั่ว                    วรกายะดังเช่น
ดนูละเลิงเล่น                           จรไล่ณวันนี้
ชะเนตรสนิทนิล                      กละนิลมะณีศรี
ยามแลชำเลืองมี                       กิริยาประหนึ่งอาย
เขางามประหนึ่งช่อ                 วรวิชชุมาลย์ฉาย
และหนังระยับลาย                  กละเลื่อมประดับวาว
ขนองสนิทดำ                           ดุจะเขียนเขม่ายาว
งามทรวงสะอาราว                  หิมะตกณยอดผา
ยามเดินก็งามยิ่ง                       และจะวิ่งก็ยวนตา
จริตกิริยา                                 กละสาวสุรางค์สวรรค์
และเมื่อดนูตาม                       มิคะใกล้จะตามทัน
โน้มน้าวธนูมั่น                        เหมาะและเตรียมจะยิงไป
มัวเพลินตะลึงนึ่ง                    บมิยิงณบัดใจ
และกวางก็ว่องไว                   จรแผล็วณแนวพง

ศุภางค์กลับออกมาถวายบังคมท้าวชัยเสน.)

ฉบงง, ๑๖.
ศุภางค์.                        ข้าได้จัดพรานดั้นดง                ไปตรวจตราตรง
ที่อยู่แห่งคณาจารย์
อีกจัดแบ่งพวกทหาร               ย์อนทางที่ผ่าน
มาแล้วเมื่อไล่มฤคี
ส่วนการแผ้วถางปัฐพี             สำเร็จแล้วดี
พอจะประทับอาศัย
ชัยเสน.                        ดีแล้ว,กูนี้อ่อนใจ                     จึ่งอยากจะใคร่
ได้พักได้ผ่อนกายา.

ท้าวชัยเสน,ศุภางค์, และบริวารเข้าโรง.

ตอนที่ ๓
ลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน

ด้านหลังเวทีเป็นลานมุขหน้าแห่งอาศรม, ซี่งเป็นเรือนเครื่องไม้หลังคามุงแฝก,มีบันได ๓ ขั้นขื้นจากพื้นดินไปสู่ระเบียง, และจากระเบียงมีประตูเข้าไปในอาศรม.สองข้างเวทีเป็นหลืบสวน. มีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้น ๑ ค่อนไปข้างขวาแห่งเวที และใต้ต้นไม้นั้นมีแท่นศิลาอ่อน,มีหนังกวางปูลาด, พระกาละทรรศินนั่งอยูบนแท่นนี้.]

ภุชงคัปปะยาตร์ ๑๒.
กาละทรรศิน.              เอะมีเหตุอะไรหนอ                  จะบังเกิดอุปัทว์มา
เพราะว่าเนตระซ้ายขวา          เขม่นอยู่จะเป็นลาง
อะโหนึกก็ร้อนอก                   วิตกถึงธิดาพลาง
ชะรอยภัยจะพานนาง              ธิดาแน่ละครานี้
ตะแรกตรวจณฤกษ์ยาม           ก็ดูงามและดูดี
คำนวณต่อสิเห็นมี                   เคราะห์ร้ายแทรกณชาตา
บรู้ที่จะทายแน่                        จะมีโชคและลาภา
ฤว่าร้ายและนวลนา-                รืจักต้องกำสรวลศัลย์
อนิจจาจะเศร้าจิต                     ผิเจ้ายอดสุดานั้น
เคราะห์เจ้าร้ายทำลายขวัญ,   ก็รูปนี้จะพลอยโศก
เพราะรูปได้สุดามา                  ประดุจได้ประสบโชค
ประหนึ่งเจ้าและนำโศลก          ประเวศแน่วณอาศรม
และหากต้องวิโยคเจ้า              จะแสนเศร้าณอารมณ์
เพราะเคยเห็นและเคยชม         บเว้นว่างณวันเพ็ญ
ธิดาช่างบำเรอจิต                     บิดาให้ฤดีเย็น
ประดิษฐ์โภชนาเช่น                บเคยลิ้มณก่อนกาล
จะกินเค็มฤกินมัน                   ก็พลันสมมะโนมาลย์
จะชอบเปรี้ยวฤชอบหวาน       ก็ปรุงรสบผิดใจ
มหาเทวะทรงศักดิ์ !                 ดนูภักดิต่อไท
พระจงโปรดดนูไซร้                และคุ้มครองสุดาภา
มัทนา,ถือกระเช้าเต็มไปด้วยดอกไม้, เดินออกมาทางขวาและตรงไปคุกเข่าลงที่ตรงหน้าแท่นศิลา, และพูดกับพระกาละทรรศิน

กมล, ๑๒.

มัทนา.             เอ๊ะอะไรพระพ่อบ่น                 วรมนตร์ฤเจ้าขา
และดิฉันละลาบมา                 บมิควรฤฉันใด 
ผิวะองค์บิดามุ่ง                      จะบำเพ็ญตะปาไซร้
ก็ดิฉันจะหลีกไป                    บมิอยู่และกีดขวาง
พระบิดาก็ย่อมรู้                     มะทะนามิอยากห่าง
ปฏิบัตติอยู่ข้าง                       พระบิดาและพอใจ
เพราะมิใช่ดิฉันเหมือน           วธุธรรมะดาไซร้
ตละเดือนก็อัดใจ                    บมิมีฤดีสราญ
เพราะมโนสินึกเร่ง                 ศศิธรและนับวาร
ตละเดือนก็ดูกาล                    จิระกว่าจะวันเพ็ญ
และณปัณณรัสวา-                  ระก็ย่อมจะกลับเห็น
ทิวะล่วงประดุจเผ่น                จรจู่บอยู่ยั้ง !
ผิวะองค์บิดาว่าง                    มะทะนาจะขอนั่ง
ปฎิบัติบิดาดัง                          ฤดิมุ่งเสมอมา

มันทักกันตา, ๑๗
กาละทรรศิน.              อ้าโฉมฉายสายสะมะระมะทะนา พ่อสิเพลินตา เพราะลูกขวัญ !
ลูกอยู่ใกล้พ่อละก็กะมละฉัน เฉกอุทกอัน ประพรมใจ
ไม่เคยมีศิษย์ดุจะอรวิไลย์ ช่างประพฤติให้ บิดาสุข
วันเพ็ญพ่อเป็นระมะณิยะบทุกข์ ปราศะเข็ญขุก และรำคาญ
ส่วนวันอื่นพ่อฤก็บมิสราญ เหมือนณวันวาร ธิดาใกล้
ดังนี้แม้ว่าสะมะระจะคระไล จากบิดาไป ก็พ่อนี้
คงต้องไร้ความสุขะเพราะวะฤดี คงบได้มี ละผ่องแผ้ว.
อ้าลูกน้อยกลอยฤดิสุมะณิแก้ว พรากธิดาแล้ว จะอาดูร !
สัททุลวิกกีฬิต,๑๙
ข้าขอให้สุระเทวะฤทธิอะนุกูล ฟังข้าพเจ้าทูล เถอะไท้
หากข้าเสียมะทะนาธิดาอระวิไลย์ ข้าบาทจะได้ใคร ล่ะแทน 
อ้าเทวินทะมะหินทราธิปะติแมน ทรงวัชระแกล้วแกว่น อะมร
โปรดอย่าให้มะทะนาสุดาดรุณิอร ต้องไปอะนาทร ฤเข็ญ !

ฉบงง,๑๖.
มัทนา.             เอ๊ะพระบิดานี่เป็น                   ทุกข์ร้อนใดเห็น
บเคยแต่ก่อนดังนี้
ดูพระบิดาจะมี             ความวิตกที่
พระยังมิบอกลูกน้อย
เป็นไรโปรดบอกลูกหน่อย
กาละทรรศิน.              อ้าลูกผู้กลอย
จิตยอดฤดีบิดา !
พ่อนี้วิตกนักหนา        ด้วยเกรงอยู่ว่า
ธิดาจะจากพ่อไป.
มัทนา.             พระองค์จะกลัวทำไม       ไม่,เห็นว่าใคร
จะกล้ามาพาลูกหนี,
และกล่าวส่วนตัวลูกนี้          ฤๅจะอยากลี
ลาศจากบิดาการุญ
กาละทรรศิน.              เป็นธรรมะดาของสุน-           ทะระดรุณ
กุมาริย่อมยวนตา
แห่งชายหนุ่มและไม่ช้า             รักก็จะพา
รักเขามาจ่อจอดใจ,
แล้วหญิงย่อมจะคลาไคล        จากอกพ่อไป
สู่เคหาแห่งสามี.
มัทนา.             พระพ่อไยกล่าวเช่นนี้         เมื่อทราบอยู่ดี
ว่าลูกไม่เหมือนเขาเขา
แล้วก็ผู้ชายใดเล่า                           จะรักข้าเจ้า,
ผู้เป็นมนุษย์หนึ่งวัน
กับอีกหนึ่งคืนแล้วพลัน               กลับเพศแผกผัน
ไปเป็นดอกไม้มากหนาม 
ถึงหากนารีเลิศงาม                       แม้ได้ชมทราม
สิเนหะได้เพียงแต่
หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วแล               มิได้ชมแม้
สักนิดตลอดอีกเดือน,
ชายใดจะยอมอยู่เพื่อน          ขืนรักก็เหมือน
รักรูปนิมิตมายา.
ฉะนั้นองค์พระบิดา                    จงโปรดเมตตา
และคลายวิตกด้วยพลัน.

โสมะทัตพาศุภางค์ออกมาทางซ้าย ; ต่างกระทำความเคารพพ่อพระฤษี.
สุรางคณา, ๒๘.
โสมะทัต.                    นายทหารนี้ ได้จรลี ล่วงหน้าราชัน จอมขัตติย์วงศ์
เผ่าองค์พระจันทร์ ผู้ดำรงขัณฑ์ หัสดินบุรี
เพื่อมาบอกข่าว ว่าสมเด็จท้าว ผู้จอมธานี จะเสด็จพลัน
วันทาฤษี ตามสมควรที่ กำหนดวินัย
กาละทรรศิน.          อันภูมินาถ เสด็จประพาส พักแรมหนไหน 
ศุภางค์.                    พระร้อนแรมมา ในพนาลัย สำราญแห่งใด ประทับแห่งนั้น.
กาละทรรศิน.           อันอาตะมะ เต็มใจที่จะ ตอนรับจอมขัณฑ์
จะตั้งเครื่องที่ มีในอรัญ ถวายราชัน เสวยสำราญ
แน่โสมะทัต แล้วเจ้าจงจัด รับบริพาร
ส่วนโภชนา โอชาอาหาร จะใหันงคราญ จัดแต่งเตรียมไว้
ไปเถดธิดา, เข้าในศาลา เตรียมเครื่องทันใด
อีกทั้งจัดของ สำรองพร้อมไว้ เลี้ยงพวกข้าไท ผู้บริพาร
ศุภางค์.                        อันกระบวนหลวง ก็พร้อมทั้งปวง เสบียงอาหาร.
กาละทรรศิน.              แต่ว่าตัวเรา เป็นเจัาของบาน ตัองขอเลี้ยงท่าน. มาเถิดธิดา.

พระกาละทรรศินกับมัทนาเดินไปขื้นบันไดและหายเข้าไปในอาศรม.

สาลินี, ๑๑.
ศุภางค์.                        ขอโทษเถิดหากดู                    ดนุไร้กิรียา
แต่ข้าขอถามว่า                        วธุนั้นนะคือใคร 
ได้ยินท่านเรียกว่า                    วรบุตริท่านไซร้
ลูกจริงฤๅฉันใด.                      ฤวะบุตริบุญธรรม 
โสมะทัต.                    หากข้าบอกความให้                ฤก็ท่านจะเห็นคำ
ข้าตอบเป็นข้อขำ                     และบยอมจะเชื่อฟัง
นางนี้เป็นต้นพฤก-                  ษะประดิษฐะอยู่ยัง
กลางดงใกล้ที่ตั้ง                     วรบรรณะศาลนี้
อาจารย์ท่านเชิญมา                  และสถิตณสวนศรี
แลเมื่อถึงวันที่             ศศิเพ็ญก็เป็นคน
ดังนี้สันนิษฐาน                       วธุเป็นสุรางค์บน
ถูกสาปจึ่งจำทน                      ทุขะอยู่ฉะนี้นา
ศุภางค์.                        ที่ท่านไดัเล่านี้              นะก็แปลกละเจ้าข้า
แต่ครั้นเมื่อพิศพา                     ฤดิเห็นจะเป็นจริง
ดัวยนางนี้มีสุน-                       ทะระลักษณายิ่ง
ยวดกว่าบรรดาหญิง                ณมะนุสสะโลกแท้
ผืวนางนั้นผุดผ่อง                    กละนวลสะกาวแข
เกศาดำแม่นแท้                        กละฟ้าณราตรี
สองเนตรเหมือนดารา-                        กะระในนะภาศรี
สองแก้มเปรียบรัศมี                 พระอรุณแอร่มฉาย
เอออันว่าชายใด                       ผิวะได้ประสบสาย
ใจคงไม่มีคลาย                        รสะรักณดวงแด !
โสมะทัต.                    ท่านเอยอย่าฝันใฝ่                     บมิเป็นประโยชน์แท้
นางนั้นไม่พึงแล                      และบพูดกะชายใด
นอกจากท่านอาจารย์               วนิดาบรักใคร
เพียรพูดเท่าใดใด                     บมิพึงจะไยดี
ศุภางค์.                        อ้าท่านอย่าเข้าใจ                      วะจะผิดณบัดนี้ !
ข้าเองไม่หวังที่                        จะประโลมสุดาสวรรค์
ข้านึกไปถึงองค์                       วรราชะราชัน
ผู้เป็นเจ้าครองขัณ-                   ฑะประเทศะธานี
ท่านเป็นซึ่งเผ่าพัน-                  ธุพระจันทะเรืองศรี
หากเห็นซึ่งเทวี                        ธก็คงจะโปรดปราน
แต่หากนางเป็นบาท                บริจาริกาท่าน
ข้าเกรงคงเกดการ                    ทุมะนัสละแน่นอน
ฝ่ายท่านไม่ใช่ข้า                      วรบาทพระภูธร
ข้าเจ้าทำปากบอน                    บมิควรณทีนี้
จึงจำต้องของด                        อธิบายะไว้ที
ขอท่านอย่าได้มี                       ฤดิขึ้งดนูหนอ
โสมะทัต. ตูข้าเป็นคนต่ำ                     บมิจงทะนงขอ
ท่านจงกล่าวแต่พอ                  ดำริควรแถลงสาร.

พิณพาทย์ทำเพลงพระยาเดิน. ท้าวชัยเสนออก. พร้อมด้วยบริวาร พระกาละทรรศินออกมาจากในอาศรม ลงบันไดมาต้อนรับท้าวชัยเสน; พิณพาทย์หยุด.

มฆวิปผุชชีตา ๑๙.
กาละทรรศิน.              ชโยข้าขอกล่าวคำประจุคะมะนะการ
แด่พระผูผ่าน               มไหหศวรรย์
ชโยขอให้องค์ท้าวนะระปติพระชัน-
มายุร้อยพรร-                ษะกาลยง
ชโยขอให้มีชัยชำนะอริทะนง
สมประสงค์องค์            อธีราช
ชโยขอให้องค์ขัตติยะนิกะระนาถ
สิทธิสมมาด                ณกิจการ
ชโยขอจงทรงเกษมสุขะฤดิสราญ
ทุกทิวากาล                 และราตรี
ชโยขอจงองค์ท้าวปิยะนะระบดี
คงพะลังมี                    นิรันดร

อินทะวิเชียร, ๑๑
ชัยเสน.                        ข้าขอประณตน้อม                   ศิระเกล้าและรับพร
อีกขอประนมกร                      และจะถามพระโยคี
ท่านอยู่ณไพรสาณฑ์                พหุการกุศลดี
แลท่านบได้มี              ภยบางฤอย่างไร 
อันมูลผลาหาร             บริบูรณ์ฤฉันใด
ยุงริ้นและเหลือบไร                 บมิกวนฤเจ้าขา 
สัตว์สิงสมิงไพร                      บมิเบียนและบีฑา
แลศิษย์พระสิทธา                    สุขะทั่วฤนักธรรม 
กาละทรรศิน.              ข้าขอถวายพร              สิริโสตถิราชัน.
อันว่าดำรัสนั้น             ดนุตอบพระดังนี้
ข้าอยู่ณไพรสาณฑ์                   พหุการกุศลดี
แลข้าบได้มี                 ภยพาลประการใด
อันมูลผลาหาร             บริบูรณะสมใจ
ยุงริ้นและเหลือบไร                 บมิกวนณกายา
สัตว์สิงสมิงไพร                      บมิเบียนและบีฑา
อีกศิษยะของข้า                       สุขะโสตถิทั่วกัน

มัทนาออกมาจากในอาศรม. ท้าวชัยเสนเห็นก็จ้องจนตะลึง.

ฉบงง, ๑๖.
มัทนา.             บิดาเจ้าขาดิฉัน            เตรียมเสร็จซึ่งสรร-
พะโภชนาจำนง
อีกได้เตรียมนํ้าโสดสรง                      สำหรับพระองค์
วิสุทธิราชฦๅชัย
ทั้งเตรียมน้ำมันพร้อมไว้                    เพื่อพระจะได้
ทรงทาแก้เมื่อยวรกาย
ขอเชิญบิดาผันผาย                             พร้อมพระฦๅสาย
เข้าสู่ศาลาบัดนี้

กราบพระกาละทรรศิน, และกราบท้าวชัยเสน แล้วกลับเข้าโรง

อุเปนทะวิเชียร. ๑๑.
ชัยเสน.                        (พูดกับศุภางค์)
เอ๊ะกูสุบินเห็น             ฤวะจริงนะเมื่อกี้
ฤเทวะนารี                   ธเสด็จณศาลา 
และเจ้าก็แลเห็น           เพราะฉะนั้นสิตอบมา
จะเป็นสุดาฟ้า              ฤวะเป็นนะรีใด 
ศุภางค์.                        พระทอดพระเนตรเห็น                        ดรุณีวิเศษไซร้
มุนีธเลี้ยงไว้                 ดุจะปรียะบุตรี
และนางถนัดนาม         มะทะนาวิสุทธี
เสด็จประเวศที่             วรบรรณะศาลา
ก็คงจะได้เห็น              วธุนั้นนะอีกครา
เพราะหล่อนก็คงมา     ปฏิบัติพระภูบาล
ชัยเสน.                        พธูประดามี             ณบุรีฤไพรสาณฑ์
จะหาวิไลยปาน           ฤก็กูบเคยเห็น
และหากว่ากูได้            ก็จะรื่นฤดีเย็น
จะรักและยกเป็น          ภริยาภิรมย์สม
ทิวาและราตรี              บมิหน่ายมิแหนงชม
จะเร้าระตีรม               ยะระรื่นระรวยใจ

พระกาละทรรศินยืนคอยอยู่จนเห็นท้าวชัยเสนตรัสกับนายทหารจบลงจี่งพูดขื้น
ฉบงง, ๑๖.
กาละทรรศิน.              ข้าขอทูลเชิญทรงชัย                เสด็จเข้าใน
อาศรมสราญร่มเย็น.
จริงอยู่เรือนข้าก็เป็น           เพียงเรือนอย่างเช่น
บุคคลชาวป่าอาศัย
แต่ว่าอาตมะเต็มใจ             ตอนรับท้าวไท.
ชัยเสน.                        ข้าขอขะมาเถิดท่าน!
ข้าเจ้านี้มัวสั่งงาน              กับนายทหาร
จึ่งดูประหนึ่งเพิกเฉย
ที่แท้ใช่เช่นนั้นเลย
หันไปพูดกับศุภางค์
นี่แน่ะเจ้าเอ๋ย
เข้าใจกูแล้วฤๅไฉน 
รีบปลูกซึ่งพลับพลาใหญ่           ณ ที่ใกล้ใกล้
อาศรมสถานที่นี้
ศุภางค์.                        ข้าพระบาทเข้าใจดี           และได้เลือกที่
ไว้แต่เมื่อล่วงหน้ามา
ได้สั่งเขาปลูกพลับพลา       ซึ่งในไม่ช้า
ก็คงสำเร็จเสร็จได้
เมื่อมาฬกเเล้วเมื่อใด           ข้าบาทจะได้
นำความขึ้นกราบทูลพลัน
ชัยเสน.                        ข้าแต่องค์พระนักธรรม์        อันตัวดิฉัน
ขอพักอยู่ใกล้อาศรม
เพราะมาเมื่อยล้าระทม        ได้ผ่อนอารมณ์
ณ ที่สำราญเช่นนี้
คงจะพอเป็นสุขี.                  ไม่ช้าข้านี้
ก็คงจะลากลับไป
แต่หากว่าข้าอยู่ใกล้              จะรบกวนไซร้
ก็จะได้รีบแปรสถาน
กาละทรรศิน.              ราชะ, อันพระภูบาล           ก็เป็นผู้ผ่าน
พิภพและทรงคุ้มครอง
ฉันใดพระองค์จะต้อง              เกรงข้าผู้ครอง
เพียงเขตอรัญพงพี 
อันโปรดตำบลหนนี้                อาตะมะมี
ความปลื้มกมลพ้นไป
เพราะข้าโยคีชีไพร                  นานนานจะได้
เฝ้าพระบรมบพิตร
หากกล่าวตามอำเภอจิต           พระองค์สถิต
ยิ่งนานก็ยิ่งยินดี
ชัยเสน.                        ฉะนั้นเชิญพระมุนี               ทำทางจรลี
ข้าเจ้าจะตามท่านไป

พระกาละทรรศินกับท้าวชัยเสนเดินหายเข้าไปในอาศรม.

อินทะวิเชียร, ๑๑.
ศุภางค์.                        นึกน่าอนาถจิต                        ก็จะคิดประการใด 
นึกแล้วว่ะทรามวัย                  ฤก็ควรกะทรงศักดิ์
นึกเล่าก็สงสาร                        วนิดายุพาพักตร์
นึกถึงจะต้องหนัก                   อุระแน่ละนงคราญ !

ศุภางค์เดินก้มหน้าเข้าโรงไปทางหลืบซ้าย,คนอื่น ๆ ยืนจ้องดูตามไป.)

#ปีดม่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น