วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

มัทนะพาธาองค์4

องก์ที่ ๔
ตอนที่ ๑

สวนหลวงข้างพระราชวัง, ในกรุงหัสตินาปุระ.
ฉากเป็นสวนดอกไม้, มีต้นไม้ร่มรื่น, และไม้ดอกปลูกเรียงรายไว้อย่างเรียบร้อย ด้านหลังมีศาลา, มีเตียงสำหรับนั่งเล่น. ในตอนนี้เป็นเวลากลางวัน.
(เมื่อเปิดม่านมีชาวสวนคน ๑ กวาดใบไม้อยู่. สักครู่ ๑ อราลี, นางค่อม, ถือกระเช้าออกทางซ้าย, และจะไปเก็บดอกไม้ที่ต้น ๑, แต่ชาวสวนยกมือห้ามไว้.
ชาวสวน.          ไม่ได้
อราลี.               ทำไมไม่ได้
ชาวสวน.          ไม่ได้.
อราลี.               ใครห้าม.
ชาวสวน.          นาย.
อราลี.               นายไหน  ชื่ออะไร
ชาวสวน.          ศุภางค์.
อราลี.               ห้ามทำไม
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.               จะเอาไว้ให้ใครชม
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.               จะเอาไว้ให้ใครเก็บ
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.               ใครมอบให้ศุภางค์เป็นใหญ่ในสวนนี้
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.               นี่จะห้ามเสมอไป หรือห้ามจำเพาะฤดูนี้
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.               (ออกเคือง, พูดเสียงแข็ง.) นี่แกรู้ไหมว่าข้าคือใคร
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.               ข้าชื่ออราลี รู้หรือยัง
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.               เป็นข้าหลวงพระอัคคะมเหสี, รู้ไหม
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.               ข้าเคยออกมาเก็บดอกไม้ในสวนนี้ได้เสมอ รู้ไหม
ชาวสวน.          ไม่รู้.
อราลี.              แกเป็นคนที่กวนโทโสที่สุด. ไม่เห็นมีอะไรพูดนอกจาก ไม่รู้ข้าขอบอกกล่าวว่าข้าจะเก็บดอกไม้ไปถวายเจ้านายของข้า. (จะไปเก็บดอกไม้อีก.)
ชาวสวน.          (ยืนขวางหน้าและห้าม.) ไม่ได้
อราลี.               ข้าจะเก็บ
ชาวสวน.          ไม่ได้
(ศุภางค์ออกทางหลืบขวา.)
(ฉบงง, ๑๖)
ศุภางค์.             เออแน่, นางอราลี                  มาทำอวดดี        ส่งเสียงแจ้วแจ้วอยู่ไย
อราลี.               ให้ไพร่ไปก่อนเป็นไร.
ศุภางค์.             (หันไปสั่งชาวสวน.)                เอาเถิดเจ้าไป     ทำงานทางอื่นสักครา.
(ชาวสวนเข้าโรงทางขวา.)
อราลี.               นี่แน่ะศุภางค์เสนา,              เมื่อกี้ตูข้า
กำลังจะเก็บดอกไม้,แต่ชาวสวนกล่าวห้ามไว้เขาว่าท่านได้สั่งเขาให้ห้ามเช่นนั้น
ศุภางค์.           ถูกแล้ว
อราลี.              เพราะเหตุใดกัน
ศุภางค์.           เพราะว่าตัวฉันชอบดูดอกไม้งามงาม.
อราลี.              ก็ใครสั่งให้ท่านห้าม
ศุภางค์.           ทำไมจึ่งถาม
อราลี.              ก็เพราะดิฉันอยากรู้.
ศุภางค์.          อยากรู้อยากเห็นเกินอยู่                       ดังนี้ก็ตูข้าขอกล่าวเตือนนางว่า
ผู้ชอบประพฤติเช่นจา-              ระสัตรีข้า
มิชอบและมักหมั่นไส้
อันตูข้าเจ้านายใช้                    ให้เป็นผู้ใหญ่
รักษาพระอุทยานนี้
จึ่งห้ามว่าดวงมาลี                   ของท่านดีดี
มิให้ผู้ใดเก็บไป
อราลี.                                     ก็ดิฉันนี้คือใคร
ศุภางค์.                                  อันตัวนางไซร้
พิการทั้งกายและจิต 
หลังค่อมค้อมคู้ดูผิด                  มนุษย์ขาบิด
แขนเบี้ยวบ่เหมือนธรรมดา
ตัวคดใจคดอิจฉา                      แยงยุมุสา
ใครใครย่อมรู้ทั่ววัง
รูปชั่วตัวแสนน่าชัง                     แล้วนางก็ยัง
ไม่รู้สำนึกตัวเลย.
อราลี.               ชะชะอุแม่เจ้าเอ๊ย         ช่างพูดเพ้ยเพ้ย
นะท่านศุภางค์เสนา
อวดดีนักเพราะช่างหา            หญิงสวยสวยมา
บำเรอพระมิ่งโมลี !
นี่ไปหาโสเภณี                       มาซ่อนไว้ที่
ตำหนักในราชอุทยาน,
จึงต้องเกะกะระราน               เพราะว่าเกรงการณ์
จะทราบถึงพระนางเธอ 
ศุภางค์.             นางอราลีนี่เออ             อวดดีเผยอ
หยิ่งเย่อเหมือนอย่างคางคก
ชาตินางยางหัวไม่ตก               ก็คงผงก
ผงาดบังอาจเอิบใจ
ไปเถิด นางค่อม รีบไป !
อราลี.                                     ท่านจะทำไม
กล้าดีก็เชิญหน่อยซี
ศุภางค์.                       ข้าบอกว่าไปเดี๋ยวนี้                 ไปเสียดีดี,
หาไม่จะเกิดเคืองกัน
อราลี.                                      ไม่ไป
ศุภางค์.                                    ต้องไปโดยพลัน
อราลี.                                       ไม่ไป
ศุภางค์.                                    อย่าดัน
อราลี.                                       ไม่ไป
ศุภางค์.                                    เมื่ออยากอยู่นี่
ก็จะให้อยู่กับที่                           เฮ้ย, ออกมานี่
ไวไวเข้าหวาอย่าช้า    
(ชาวสวนออกทางหลืบขวา.)
นี่แน่ะ, นางนี้เขาว่า                   ชอบอยู่สวนนา
และข้าก็ยอมตามใจ
เจ้าจงนั่งอยู่ด้วยไซร้                 ระวังอย่าให้
นางลุกไปพ้นที่นี้
แม้ห้ามมิฟังวาที                      ก็เจ้าจงตี
ให้แรงด้วยด้ามไม้กวาด !
ขึ้นเสียงเถียงคำหนึ่งฟาด         สองคำสองฉาด
จริงจริงมิต้องเกรงใจ
                              
(ศุภางค์เดินจะไปทางขวาก็พอปริยัมวะทาออกมาทางนั้น.)
ปริยัมวะทา.                            ศุภางค์, ท่านเกรี้ยวโกรธใคร
ศุภางค์.                       (ชี้อราลีพลางตอบพลาง.)                    โกรธคนจัญไร
ที่กวนโทโสสุดทน !
ปริยัมวะทา.                 ข้าขอโทษแทนสักหน               เพราะเขาเป็นคน
ที่มักมิยอมแพ้ใคร
อราลี, อย่ายุ่งไป                      ฉันขอเถิดให้
หล่อนกลับคืนเข้าในวัง
อราลี.               ดิฉันมาตามรับสั่ง         เมื่อดิฉันยัง
มิได้ทำตามท่านใช้
ดิฉันจะกลับอย่างไร
ปริยัมวะทา.                  เอาเถิดดอกไม้
ฉันเองจะเก็บมากมาย
แล้วให้คนไปถวาย
อราลี.                            ก็เมื่อคุณนาย
รับแล้วดิฉันขอลา
(เข้าโรงทางหลืบซ้าย.)
                              
(ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒.)
ปริยัมวะทา.                 อราลีแหละน่ากลัว                   จะก่อเรื่องระคายนา
พระนางคงจะใช้มา                 และสืบเรื่องพระภูมี
ศุภางค์.                       เสด็จกลับนครหลวง                ก็สัปดาหะแล้วนี่
ประทับแรม ณ สวนศรี             บกลับคืนนิเวศน์ใน
จะไม่ให้มเหสี                         ระแวงนั้นไฉนได้
พระได้นางณป่าใหญ่              และพากลับ ณ ธานี
จะปิดความมิวามวู่                 จะอยู่ได้ไฉนมี
ปริยัมวะทา.                 ดิฉันเห็นมเหษี             ธคงทราบและหึงส์หวง
ศุภางค์.                       พระนางเธอก็โทษา                  คะติมักจะครอบดวง
หทัยอยู่และใครท้วง                ฤทักมักจะยิ่งใหญ่.
ปริยัมวะทา.                 ดิฉันนึกก็สงสาร                      สุนงคราญพระองค์ใหม่
เพราะเรียบร้อยและดูไม่          พระโอษฐ์จัดถนัดเถียง
ดิฉันมาและรับใช้                   สนิทแล้วก็เห็นเนียง
ประเสริฐแท้และควรเคียง        พระองค์ผู้ประเสริฐชาย 
ศุภางค์.                       ก็เหตุนั้นสิฉันจึ่ง                       คะนึงอยู่มิรู้วาย
บุรุษควรจะมุ่งหมาย                มโนแต่ ณ ยอดหญิง
วิไลยโฉมและมีใจ                    วิสุทธิ์ใสสะอาดยิ่ง
ฉะนั้นควรจะรักจริง                 และชีวิตมิเปล่าเปลือง
ผิเลือกคู่เพราะเพ่งทาง             ประโยชน์เพียง ณ การเมือง
มิช้านานก็จำเคือง                    ระคายจิตระคายตา
ปริยัมวะทา.                 อ๊ะพี่ชายขยายเรื่อง                  ฉะนี้เครื่องจะเลยพา
พะหูโทษะพลันมา                   กระทบกายมิบังควร
ศุภางค์.                       ก็ฉันพูดกะหล่อนได้                 เพราะไว้ใจนะนิ่มนวล
และหากหล่อนมิเล่าทวน         ละก็ใครจะรั่วรู้
                              
(ท้าวชัยเสนกับมัทนาออกทางหลืบขวา, และพานางตรงไปนั่งเตียงบนพลับพลา. ศุภางค์กับปริยัมวะทา และชาวสวนคลานเข้าโรงทางหลืบขวา.)
วสันตะดิลก, ๑๔.
ชัยเสน.                        ตั้งแต่ภิเษกและอภิรมย์              ระติแนบ ณ โฉมตรู
พี่นี้ประหนึ่งรมะณิย์อยู่            ณ พิภพสุราลัย
แต่ไหนมิเคยจะฤดิรื่น              นิระโศกนิรามัย
เหมือนปัจจุบันเพราะอรไท       นะสิปลูกประมวลปรีย์
มัทนา.              อ้าทูลกระหม่อมปิยะมหา                    สุระราชะสามี
ข้าบาทบำเรอพระบทะศรี         ละก็ยังมีเพียงพอ
อยากมีกำลังพิริยะอีก             พละไซร้จะได้ก่อ
การอื่นบำเรอพระบทะต่อ        บมิให้ระคายเคือง
ชัยเสน.                        อ้าน้องสิเป็นสุปริยะหญิง                    ยุวะมิ่งและขวัญเมือง
อันพี่ก็มียะศะประเทือง            เพราะว่ะคู่วธูขวัญ
มัทนา.              อ้าองค์พระปิ่นดิลกะรัฐ                       ธดำรัสละยอครัน !
ข้าน้อยฤเรียกสุวะธุขวัญ            วรราชะธานี
แท้จริงนะหญิงก็สิริวัฑ-              ฒะนะได้เพราะสามี
หญิงโสดจะเรืองยะศะและศรี     ละก็แสนจะยากเย็น
ชัยเสน.                        หากพร้อมสุคุณก็ศุภะลัก-                   ษณะนาริย่อมเป็น
ขวัญเมืองประดุจระตะนะเห็น             บมิต้องประกอบทอง !
มัทนา.              สามีสิเป็นระตะนะเลิศ                        และจุฑามณีของ
นารีและอาภะระณะผอง             บมิยิ่งสุภรรดา
ชัยเสน.                        อันชายจะมีสุนิธิใด                  ก็บเปรียบกะภรรยา
เป็นศรีและศักดิระตะนา              ทิประดับประดาเรือน
มัทนา.              สุขใดจะเปรียบปะระมะสุข                 ปริยะนี้บ่มีเหมือน
ชัยเสน.             เพื่อนใดจะมีประดุจะเพื่อน                  ฤดีร่วมสิเนหา
                              
(พระนางจัณฑีออกทางหลืบซ้าย, มีข้าหลวงตามหลังตามสมควร. จัณฑียืนดูท้าวชัยเสนกับมัทนาอยู่ครู่ ๑ แล้วจึ่งเข้าไปบังคมท้าวชัยเสน)
(อุปชาติ, ๑๑.)
จัณฑี.              ประณตยุคลบาล                    นรนาถะราชา
หม่อมฉันสดับวา-                    ทะระบือสนั่นไป
ถึงในนิเวศน์ว่า                        พระนรินทราชไซร้
เสด็จ ณ ถิ่นไพร                       พระสนุกสนานนัก
ก็คอยจะเฝ้าองค์                     วรภูมิทรงศักดิ์
หลายวันพระยังพัก                  ณ พระมาฬะกาคาร
ครั้นว่าจะรออยู่                        ก็จะดูมิเข้าการ
จะเสียและสามาญ                  ดุจะขาดสุภักดี
ฉะนั้นทะนงอาจ                       ยุระยาตร์ ณ สวนศรี
ขอมิ่งมกุฎมี                            กรุณาและงดโทษ
ใช่แสร้งจะมาขัด                      พระหทัยฤทำโกรธ
เพราะถึงจะไม่โปรด                 ฤก็คงบขาดไป
และหวังจะมาพบ                    อรเอกะอำไพ
ซึ่งองค์พระทรงชัย                   กรุณาและพากลับ
จากในพนารัณ-                       ยะกะข้าก็มารับ
และเปล่งกระแสศัพท์              ประจุคมอุดมดี
ชัยเสน.             กระไรนะแดกดัน                     และประชดนะจัณฑี !
นางเป็นมเหษี                          ละก็ควรจะอยู่วัง
ไม่ควรจะด่วนมา                     และอุวาทะเสียงดัง
ดุดื้อจะมีหวัง                          สุประโยชน์สถานใด 
ก็ตามประเพณี                        พระบิดาประสาทให้
มาเพื่อประพันธ์ไม-                  ตริระหว่างประเทศสอง
แล้วฉันก็ตั้งใจ                          ทะนุนางและยกย่อง
ก็คงจะคู่ครอง                          บมิเริดมิร้างกัน
จัณฑี.              มิเริดมิร้างจริง              ละสิจึ่งกระหม่อมฉัน
นั่งแกร่ว ณ วังจันทร์                บมิเห็นเสด็จไป
ชัยเสน.            ฉันพึ่งจะกลับจาก                   วนะเขตตะใหม่ใหม่
จะเข้า ณ วังใน                          ก็จะอัดอุราแท้
จัณฑี.              จะอัดอุราจริง               ละเพราะจำจะทิ้งแม่
รูปทองจะหมองแด                  เพราะวิโยคก็เหลือทน 
มัทนา.              อันว่าดะนูนี้                  ฤจะยึดพระจุมพล 
พระอยากเสด็จดล                   ก็บเคยจะขืนขัด
จัณฑี.              ดะนูก็รู้ว่า                     พระสิโปรดนะแน่ชัด
เหตุว่านะรีรัตน์                         บมิมีจะขัดขืน 
หญิงใดตระหนี่ตัว                    ละก็ผัวบรักยืน
ฉะนั้นบขัดขืน                          และประจบสิผัวรัก
ดะนูสิเป็นลูก                           วระราชะทรงศักดิ์
ถือยศบรู้จัก                             จะประจบประแจงดี
ที่ไหนจะสู้เยา-                         วสุดาพระโยคี 
ชัยเสน.                        อ๊ะ  อย่านะจัณฑี                    วจะเธอนะเกินไป 
มัทนา.              พระองค์จะตรัสห้าม                วรเทวิทำไม 
นางเป็นสุดาไท้                        อธิราชะราชัน
ถึงหากจะตรัสด่า                     ก็บเจ็บกระหม่อมฉัน
เพราะองค์พระทรงธรรม์          กรุณาก็พอใจ
พระนางจะกริ้วกราด               ก็มิถึงกะบรรลัย
โดยบาระมีไท้                         สิริร่มนะเกศา
จัณฑี.              ถึงฉันจะไร้ซึ่ง               พระมหากะรูณา
ก็ยังมิชั่วช้า                             และบหมดนะยางอาย
(สุรางคณา, ๒๘)
ชัยเสน.           เหม่นางจัณฑี พูดจาครานี้ แสนจะหยาบคายเธอเป็นธิดา ราชาฦาสาย ไฉนปากร้าย ราวแม้ค้าปลา
จัณฑี.            หม่อมฉันสามาญ เพราะพระองค์ท่าน หมดพระเมตตา
หากข่าวระบือ ฦาจากพารา ถึงพระบิดา คงเสียหทัย
ชัยเสน.          นี่จะมาโกรธ และมุ่งกล่าวโทษ ฉันผิดอันใด
จัณฑี.            พระองค์ทรงฤทธิ์ จะผิดอย่างไร พระองค์เป็นใหญ่เหนือผู้เหนือคน
ถึงจะรับนาง ใดใดในกลาง อรัญไพรสณฑ์มายกมาย่อง ก็ต้องจำทน เพราะข้าเป็นคนอาภัพ
ชัยเสน.          เธอก็มีศักดิ์ ไยพูดหยาบนัก นะนางจัณฑ
ควรยังถือมั่น ฉันเป็นสามี และไม่ควรที่ กล่าวถ้อยหยาบช้า
ฉันขอบอกให้ เธอจงเข้าใจ ว่ามะทะนา
ก็เป็นนารี ศรีสุชาดา ไม่หย่อนไปกว่า ลูกท้าวมคธ
หล่อนควรเป็นคู่ เคียงตัวฉันอยู่ สมศักดิ์สมยศ
เธออย่าพูดมาก ไม่อยากฟังพจน์ ถึงท้าวมคธ จะไม่พอใจ
ใช่ว่าตัวฉัน จะนึกประหวั่น พรั่นจิตเมื่อไร
ถึงจะพิโรธ โกรธก็โกรธไป ตัวฉันมิได้ เป็นข้าขอบขัณฑ์
มคธราชา กับพระบิดา สิท่านชอบกัน
จึ่งได้ตกลง สององค์กล่าวหมั้น ตัวเธอกับฉัน ไว้แต่ยังเยาว์
ใช่ฉันตะกาย ไปรักโฉมฉาย เองเมื่อไรเล่า
สองบิดาท่าน จัดการให้เรา ฝ่ายฉันนี้เล่า กอบกะตัญญู
จึ่งยอมตามท่าน และไปทำการ แต่งกับโฉมตรู
แต่กระนั้นไซร้ ก็ได้เลี้ยงดู สมควรแก่ผู้ เป็นมหิษี
ฉันจงใจรัก และผินงลักษณ์ มีจิตไม่ตรี
คงจะไม่ต้อง ขุ่นหมองครานี้ ขอจงตริดี ก็คงแลเห็น
จัณฑี.  หม่อมฉันเข้าใจ ว่าทรงเลี้ยงไว้ ก็เพราะจำเป็น
ชัยเสน. ตามใจเถิดหนา ! ถ้าเธอนึกเช่น นั้นก็อาจเป็น เช่นเธอเข้าใจ
มา, มะทะนา เราไปดีกว่า อยู่อีกทำไม
ขืนอยู่ฟังเสียง ก็เถียงกันไป ยืดยาวยิ่งใหญ่ ไม่เป็นแก่นสาร
                              
(ท้าวชัยเสนจูงมือมัทนา พากันเข้าโรงไปทางหลืบขวา. พอสองคนนี้ไปพ้นอราลีก็ออกมาทางหลืบซ้าย.)
(อุเปนทะวิเชียร, ๑๑.)
จัณฑี.              ชะฉาอะราลี                อิอะปรีย์อิตัวการ
กระไรละเหิมหาญ       บมิรู้สำนึกตัว
อิโสภิณีดี                    ตะประจบสำออยผัว
แน่ะมึงนะเงาหัว          บมิมีละรู้ไหม
พระผัวก็มัวหลง           และพะวงอิชาวไพร
บนึกว่ะกูไซร้                สิสุดามคธราช
ผิกูจะใช้คน                 จรยังชะนกนาถ
และทูลคดีกาจ             ฤวะไท้จะดูดาย
อราลี.               พระนางพิโรธกริ้ว                    นะก็ควรจะมากมาย
และเหตุก็แรงร้าย        จะมิทรงพิโรธฤา
ก็แต่จะพาที                บมิได้ถนัดฮือ !
เพราะเกรงจะอึงอื้อ     จะมิพ้นละโทษทัณฑ์
ฉะนั้นเสด็จกลับ          พระนิวาศะโดยพลัน
และถึงกระหม่อมฉัน   ก็จะทูลอุบายดี
และคงจะทรงชำ-        นะอมิตรละเทวี
จัณฑี.              ฉะนั้นก็ไปที                 เพราะจะอยู่ก็ป่วยการ
(พระนางจัณฑี, อราลี, และข้าหลวงเข้าโรงทางหลืบซ้าย.)
ตอนที่ ๒
ริมรั้งค่ายหลวง, ตำบลกุรุเกษตร์.
ใช้เป็นม่านม้วนทิ้งระหว่างหลืบ, เขียนเป็นภาพรั้วค่ายระเนียด.
(ท้าวชัยเสน, แต่งเครื่องรบ, ออกพร้อมด้วยศุภางค์และนายทหารอีกสองสามคน.)
(อินทะวิเชียร, ๑๑)
ชัยเสน.                       การยุทธะนาใหญ่                    ก็วิชัย ณ วันวาน
เห็นพวกศะตรูพาล      จะระส่ำระสายนัก
คงยังมิอาจยก             ฤระดมประหารหัก
หากเราจะตั้งรัก-          ษะระเนียดก็คงไหว
บัดนี้นะกูแสน              จะวิตกสะทกใจ
ด้วยข่าวว่ะทรามวัย     มะทะนาประชวรอยู่
จึ่งใคร่จะไปกรุง           และก็มุ่งจะไปดู
เยี่ยมแล้วฤตัวกู           ก็จะกลับ ณ ค่ายพลัน
ศุภางค์.                       ข้าภักดิจึ่งทูล               วรบาทพระทรงธรรม์
ข้าคิดระแวงครัน          เพราะว่ะศึกสิล่อแหลม
เกรงว่าจะมีผู้               ทุจริตและทำแกม
กลกอบอุบายแต้ม       วจะล่อพระภูมี
เพื่อให้เสด็จกลับ         วระราชะธานี
ชัยเสน.                       ที่เจ้าวิตกนี้                   นะก็ออกจะควรอยู่
จัณฑีสิหมายมุ่ง          มนะพาลประหารกู
จึ่งบอกบิดาจู่              จระพลพะหลมา
เออนึกอนาถจริง         ละนะหญิงวิหิงสา
แรงฤทธิอิจฉา             บมินึกละหน้าหลัง
โชคดีทหารเรา             ฤก็พร้อมพลังขลัง
อันท้าวมคธหวัง          จะประยุทธะเร็วแท้
แต่ยังมิเร็วพอ              และฉะนี้นะจึ่งแพ้
กูจึ่งมิกลัวแม้               จะประยุทธะอีกหน
กูคิดจะไปเยี่ยม           มะทะนาและพอยล
แล้วกลับจะนำพล       รณะสู้ศะตรูพาล
จงสั่งยุธาชิต                วระเสนิชัยชาญ
ให้อยู่และบงการ         อภิรักษะค่ายไว้
ส่วนเจ้าแหละจงเตรียม  วรราชมโนมัย
อีกตัวก็เตรียมไป          วรธานิกับกู
                              
(ท้าวชัยเสนและบริวารเข้าโรงทั้งหมด.)
ตอนที่ ๓
(สวนหลวงข้างพระราชวัง, ในกรุงหัสตินาปุระ.)
ฉากเหมือนตอนที่ ๑ แห่งองก์นี้เองแต่ในตอนนี้เป็นเวลากลางคืน.
(พระนางจัณฑีนั่งอยู่บนเตียงบนศาลา; อราลีนั่งที่ระเบียงศาลา, และพราหมณ์วิทูรนั่งกับพื้นตรงหน้าศาลา. ที่กลางเวทีมีฟืนจัดสุมไว้พร้อมให้จุดไฟขึ้นได้ง่าย ๆ.)
(สาลินี, ๑๑.)
อราลี.               ตามข่าวหม่อมฉันได้                นะก็เห็นจะดีอยู่
เขาว่าสมเด็จภู-                        ธระเตรียมเสด็จกลับ
หม่อมฉันจึ่งสั่งว่า                     ผิวะท้าวธมาถับ
ให้รีบมาบอกฉับ                      ก็จะเดินอุบายต่อ
จัณฑี.              ส่วนข่าวการสงคราม               บมิได้ละฤาหนอ 
อราลี.               ทัพของสมเด็จพ่อ                    ธประจญประจัญพลัน
แต่ฝ่ายข้างทัพกรุง                   ฤก็รู้และรับทัน
ทั้งกลับเคี่ยวขับขัน                  พละฝ่ายมคธถอย
ขืนรออยู่ช้าอีก                         ละก็น่าจะเสียรอย
จัณฑี.              พ่อแพ้ลูกคงพลอย                   บมิรอดละครานี้ !
อย่างไรท่านอาจารย์              ทิชะท่านก็เป็นชี
ชาวแคว้นของข้านี้                   ก็จะช่วยฤฉันใด
วิทูร.                 ตูข้าเป็นชาวขัณ                       ฑะสิมามคธไซร้
หากช่วยให้มีชัย                       ก็จะแสนสราญบาน
ส่วนที่ให้ทำกิจ                         กละแม้นสิเน่ห์หาญ
ทูลจริงแด่นงคราญ                  บมิใคร่จะชอบจิต
หากท้าวเธอกริ้วโกรธ               ดนุฤาจะพ้นผิด 
อราลี.               ถึงแม้ว่าทรงฤทธิ์                     จะพิโรธและลงทัณฑ์
เท่าใดไม่ได้ว่า                         นิระเทศะเท่านั้น
อาจารย์กลับยังขัณ                 ฑะมคธก็คงได้
บำเหน็จบำนาญพอ                 ละนะท่านจะทุกข์ไย
จัณฑี.              จริงหนอเราขอให้                     วะจิสัตย์ปฏิญญา
หากท่านทำการสม                  ดนุนี้ประสงค์นา
เชื่อเถิดว่าตูข้า                         จะมิลืมวิปราจารย์
โคนมนับด้วยพัน                      ก็จะให้บเนิ่นนาน
อีกทั้งให้เรือนชาน                    พหุทาสะมากมี
เขตบ้านที่ท่านอยู่                     ก็จะเพิ่มเฉลิมศรี
ยกขึ้นเป็นเมืองมี                      วรเวสม์วิเศษสรรพ์
เป็นเมืองเลื่องฦายศ                 ณ มคธประเทศขัณฑ์
ท่านเองเป็นราชัน                     อุปราชะเรืองยศ
วิทูร.                 ตูข้านี่แก่เฒ่า               วยะนั้นก็จวนหมด
คิดหาซึ่งลาภยศ                      บมิควร ณ ขวบนี้
อราลี.               ถึงเฒ่าท่านอาจารย์                 ฤก็บุตรและหลานมี
ยามเห็นโอกาสดี                      บมิควรจะทิ้งนา
แลขอจงจำไว้                           ผิมิรับพระบัญชา
อาจต้องยากแค้นสา-                หสะแท้นะอาจารย์
อาจมีผู้โจทก์ว่า                        มะคะธาธิราชท่าน
ใช้ให้ท่านอาจารย์                    จระสู่พระธานี
เพื่อให้ทำกิจจา-                       รบุรุษ ณ ที่นี้
เช่นนั้นท่านยอดชี                     ก็จะยากลำบากใจ !
วิทูร.                 ไม่จำต้องกล่าวขู่                      เพราะดนูก็แก่ไม่
เกรงซึ่งมัจจูภัย                        และบห่วง ณ ชีวี
หากรับทำการใด                      ก็เพราะใจแหละภักดี
แด่องค์เทวีศรี                          และสนองพระบาทา
                              
(เกศินีออกทางหลืบซ้าย, ตรงไปหาอราลี)
(ฉบงง, ๑๖)
เกศินี.              บัดนี้มีผู้ชายมา                        บอกว่าราชา
เสด็จจะถึงอุทยาน
อราลี.               ไวไวเถิดท่านอาจารย์               ท่านจงเริ่มการ
พิธีดังที่นัดไว้
วิทูร.                 ตูข้าขอกล่าวอีกไซร้                  ว่ายังมีใจ
ตะขิตตะขวงมากอยู่
อราลี.               อย่ามัวร่ำไรขรัวครู                    เดี๋ยวท่านจะจู่
มาถึงมิทันลงมือ
                              
(วิทูรลุกไปจัดการจุดกองไฟ, และนั่งขัดสมาธิประนมมือ, เอาย่ามวางไว้ข้างตัว.)
จัณฑี.              ส่วนกูจะอยู่นี่ฤา                      จะแอบเสียหือ 
อราลี.               พระนางต้องแอบก่อนดี
ต่อเมื่อเห็นเหมาะท่วงที           เสด็จมานี่
ประหนึ่งว่าพึ่งทรงทราบ
ว่าเขานี้คิดการหยาบ               และเพื่อบำราบ
จึ่งสู้เสด็จออกมา
เกศินีอยู่นี่นา                           และทำเหมือนว่า
เป็นผู้ร่วมคิดกับพราหมณ์
ต่อนั้นจงได้ทำตาม                   ที่ฉันบอกความ
ไว้แต่เมื่อบ่ายนี้ไซร้
เข้าใจดีแล้วฤาไฉน
เกศินี.                ดิฉันเข้าใจ
และจะทำทุกสิ่งสรรพ์
อราลี.               ดีแล้วอย่าได้นึกพรั่น                เพราะว่าโทษทัณฑ์
อย่านึกเลยว่าจะมี
และหากการสำเร็จดี                แล้วองค์เทวี
คงจะประทานรางวัล
จัณฑี.              จริง, อย่าวิตกข้อนั้น
เกศินี.              อันตัวหม่อมฉัน
ขอเพียงแต่ได้รับใช้
คงจะประทานรางวัล
จัณฑี.              ดีแล้วละ, กูขอบใจ
อราลี.               เชิญเสด็จไป
ไวไวดีกว่าเทวี
                              
(จัณฑีกับอราลีเข้าโรงไปทางขวา. ฝ่ายวิทูรคงนั่งหลับตาและเล่ามนตร์พึมพำอยู่, และเกศินีนั่งดูพราหมณ์ด้วยอาการเอาใจใส่มาก. อีกครู่ ๑ ท้าวชัยเสนออกทางซ้าย, มีศุภางค์ นันทิวรรธนะ, และบริวารอีก ๓-๔ คนตามมาด้วย. ท้าวชัยเสนเห็นวิทูรนั่งอยู่ก็ชะงัก.)
(สุรางคณา, ๒๘.)
ชัยเสน.            นันทิวรรธนะ ! นี่ใครวะ มานั่งอยู่นี่
(วิทูรกับเกศินีทำเป็นตกใจ กราบท้าวชัยเสนแล้วหมอบตัวสั่น.)
นันทิวรรธนะ.   แกมาจากไหน  ทำไมธชี ไม่รู้หรือนี่ เป็นที่สวนหลวง
วิทูร.                 โอย, เจ้าประคุณ จงโปรดการุญ ที่ข้าล้ำล่วงเข้ามาถึงได้ ที่ในสวนหลวง ละลาบละล้วง ถึงรโหฐานข้านี้ผิดแท้ ควรรับโทษแน่ ทุกทุกประการ
เพราะเข้าใจผิด คิดว่านงคราญ เธอโปรดประทาน โอกาสจึ่งมา
ชัยเสน.            ออกชื่อนางใด พราหมณ์จงบอกไป เรายังกังขา
วิทูร.                 ขอทูลเทวะ ว่าพระชายา นามมะทะนา ตรัสเรียกมาไซร้
ชัยเสน.            อ๊ะ ! พราหมณ์ขี้ตู่ เราฟังฟังดู ยังออกแคลงใจ
วิทูร.                 นางนี้ได้ออก ไปบอกข้าไซร้ ว่ารับสั่งใช้ ให้ตามข้ามา
ชัยเสน.            อย่าไรสาวน้อย มึงรับใช้สอย ไปจริงหรือหวา
 เกศินี.             เพคะเป็นจริง ทุกสิ่งเช่นว่า พระราชอาญา ไม่พ้นเกศี
ชัยเสน.            ก็เทวีไซร้ ให้ทำอะไร หนอเฒ่าธชี
วิทูร.                 ข้ากำลังเริ่ม ประเดิมอัคคี เพื่อทำพิธี การฝังอาถรรพ์
ชัยเสน.            เอ๊ะ ! หากว่าจริง ละก็เป็นสิ่ง ที่โทษฉกรรจ์ !
เร็วเร็ว ค้นย่าม ของพราหมณ์นี้พลัน ดูว่าในนั้น จะมีสิ่งใด
(นันทิวรรธนะค้นในย่ามของพราหมณ์. ได้รูปปั้นด้วยขี้ผึ้งสามรูป.)
นันทิวรรธนะ.   มีรูปขี้ผึ้ง เป็นสามรูปซึ่ง พราหมณ์ปั้นเตรียมไว้
รูปหนึ่งหนามแหลม มีแนมเหน็บใส่ ตรงที่หทัย และตรงอุทร
อีกสองรูปปั้น เป็นคู่ติดกัน เช่นคู่สมร
เพราะต่างกอดรัด ตระวัดเกี่ยวกร ชายกับบังอร เชิงชู้คู่ใจ
ชัยเสน.            เอ๊ะพราหมณ์หมอเฒ่า นี่อย่างไรเล่า จะคิดทำใคร
แกจงแถลง ให้แจ้งทันใด โดยจริงหาไม่ จะต้องเคืองกัน
                              (อุปัฏฐิตา, ๑๑.)
วิทูร.                           อ้าสมมะติเทพ             ดนุนี้จะทูลพลัน
ถ้วนถี่คติสรร-              พะบปิดบบังความ
นางเกศินีนี้                  นะสิไปและกล่าวตาม
ว่ามีวธุงาม                  จะประสงค์ดะนูนี้
ให้ช่วยและกระทำ       พิธิกอบอะถรรพ์ดี
หนึ่งเพื่อมะละชี-          วิตะแห่งสุภรรดา
สองเพื่อจะประพันธ์     ฤดิชู้สิเนหา
นางพาดะนุมา             ณสถานะสวนขวัญ
พอถึงดะนุเริ่ม              วิธิการบครานครัน
แล้วองค์วรธรร-            มิกะราชเสด็จมา
อันว่าครุภัณฑ์              วรราชะอาญา
ไม่พ้นศิระข้า                เพราะว่ะผิดละจริงไซร้
(ฉบงง, ๑๖.)
ชัยเสน.                        เหวยอีทาสีอย่างไร               ที่พราหมณ์เขาให้
การนี้ถูกต้องหรือหวา
เกศินี.                          เพคะ, ถูกตามเขาว่า               ปริยัมวะทา
ใช้ข้าไปตามพราหมณ์นี้
ศุภางค์.                       อันว่านางเกศินี                        เป็นข้าเทวี
องค์ผู้ประทับวังใน
และเมื่อก่อนก่อนนี้ไม่      คยเห็นรับใช้
ที่ในพระแม่มัทนา
ก็ฉันใดเล่าจึ่งมา             เป็นตัวการข้า
ยังนึกระแวงแคลงใจ
เกศินี.                            ดิฉันมาจากวังใน                     เพื่ออยู่รับใช้
ที่คุณปริยัมวะทา
และเหตุนี้เองสิข้า            จึ่งได้เลยมา
เกี่ยวในคดีเรื่องนี้
นันทิวรรธนะ.                   อันรูปบุรุษที่มี               หนามเหน็บอยู่นี้
มุ่งหมายเป็นรูปผู้ใด
เกศินี.                              หมายเป็นพระองค์ทรงชัย                    และข้างในใส่
เส้นพระเกศาทรงศักดิ์
นันทิวรรธนะ.                    ก็รูปหญิงชายร่วมรัก                กันนี้เล่าจัก
มุ่งเอาเป็นรูปผู้ใด
เกศินี.              อันรูปนารีนั้นไซร              คือองค์ทรามวัย
ผู้เนาณราชอุทยาน
ส่วนรูปบุรุษคือท่าน           ผู้นายทหาร
มีนามศุภางค์เสนี
ศุภางค์.            ฉันใดมุสาพาที             ใส่ความเช่นนี้
ใครสั่งใครสอนเจ้ามา
ชัยเสน.             เฮ้ยคนหนึ่งไปอย่าช้า               เชิญพระชายา
กับนางกำนัลมานี่
                              
(มหาดเล็กคน ๑ เข้าโรงไปทางขวา. ท้าวชัยเสนขึ้นนั่งบนเตียงบนศาลา.)
(อินทะวิเชียร, ๑๑.)
ศุภางค์.            อ้าเทวะข้านบ              ณ พระบาทยุคลศรี
ขอจงพระภูมี                      กรุณา ณ ข้าไท
ในงานพระสงคราม             ฤก็ตามเสด็จไป
เหตุนั้นและฉันใด                ดนุนี้จะคิดร้าย
หากคิดมิดีแล้ว                   ก็จะทูลพระฦาสาย
โดยถ้อยทุโรบาย                 และสมัครพิทักษ์นาง
โดยเหตุพระองค์ทรง            พระประสงคะมีอย่าง
นั้นอยู่ก็เป็นทาง                   ดนุควรจะฉวยพลัน
แต่ข้าสินึกเกรง                     ผิจะอยู่ ณ สวนขวัญ
อาจดูมิดีครัน                       เพราะว่ะคนจะนินทา
นี่ตามเสด็จจาก                    วรราชภารา
ยังมีอมิตรหา                        คติโจทก์ณครานี้
ในวาทะกล่าวโทษ                 ผิวะข้อพิรุธมี
ขอจงประหารชี-                    วิตะข้าและวงศ์วาร
แต่ว่าผิฝ่ายโจทก์                   นะมุสาและแกล้งพาล
ข้าขอพระภูบาล                     กรุณา ณ ข้าไท
                              
(มหาดเล็กกลับออกมาทางขวา, และปริยัมวะทามาด้วย.)
(ฉบงง, ๑๖.)
ชัยเสน.                        ปริยัมวะทาอย่างไร                  มะทะนาไม่
มาด้วยกับเจ้าฤาหวา
ปริยัมวะทา.                 เทวีให้หม่อมฉันมา                   บังคมทูลว่า
กำลังเวียนพระเศียรนัก
อีกสักครู่หนึ่งจึ่งจัก         มาเฝ้าทรงศักดิ์
และกราบพระบาทภูมี
ชัยเสน.                        นันทิวรรธนะบัดนี้                    จงถามคดี
ที่นางปริยัมวะทา
นันทิวรรธนะ.               บัดนี้มีผู้กล่าวหา                      ตัวคุณนี้ว่า
ใช้นางข้าหลวงไปตาม
หมอเฒ่าชื่อวิทูรพราหมณ์     ข้าจึ่งขอถาม
ข้อนี้ให้การฉันใด
ปริยัมวะทา.                         เอ๊ะ นางข้าหลวงคนไหน
นันทิวรรธนะ.               (ชี้เกศินี)                       นางคนนี้ไซร้
ปริยัมวะทา.                         เอ๊ะ  ดูน่าสงสัยนัก
นางไม่เคยอยู่ตำหนัก            ขององค์นงลักษณ์
และมิได้เคยเป็นข้า
นันทิวรรธนะ.                        นางโน่นจงให้การมา
เกศินี.                                   คำให้การข้า
ก็ยืนอยู่อย่างเดิมไซร้
คุณปริยัมวะทาใช้                  ให้ข้านี้ไป
ตามพราหมณ์มาทำพิธี
ปริยัมวะทา.                 เอ๊ะ ! กล่าวอะไรเช่นนี้           จะทำพิธี
ทำไมเพื่อเหตุดังฤา
เกศินี.              คุณไม่ต้องทำไขสือ                  ดิฉันสิถือ
ว่าคุณเป็นมุลเป็นนาย
ถึงคราอับจนก็หมาย             จะพึ่งคุณนาย
กลับปฏิเสธเช่นนี้
ปริยัมวะทา.                         นางนี่มุสาสิ้นดี
นันทิวรรธนะ.                        ข้าต้องขอที
อย่ากล่าวผะรุสวาจา
นางทาสีให้การว่า                   กำลังทำอา-
ถรรพ์เพื่อประทุษภูบาล
อีกเพื่อให้เยาวะมาลย์             กับขุนทหาร
ได้ร่วมสิเน่ห์สมใจ
ปริยัมวะทา.                 หากพราหมณ์ทำเช่นนั่นไซร้                 ละก็มิใช่
เพราะว่าดิฉันสั่งแท้
นันทิวรรธนะ.               เขากล่าวโทษคุณเพียงแต่                   ว่าสาระแน
สั่งแทนผู้อื่นอีกต่อ
ปริยัมวะทา.                         จะแทนใครได้อีกหนอ
นันทิวรรธนะ.                         นั่นสิเป็นข้อ
ที่อยากจะถามต่อไป
ปริยัมวะทา.                 ดิฉันมิได้รับใช้              ผู้หนึ่งผู้ใด
ให้คิดซึ่งกิจเลวทราม
มิได้ใช้ใครไปตาม                   ตามหมอเฒ่าพราหมณ์
ไม่เคยรู้จักขรัวครู
ดิฉันเป็นข้าพระภู-                  มินาถก็อยู่
เป็นสุขทุกเมื่อเกษมศานติ์
ชัยเสน.                        มัวช้าเช่นนี้ป่วยการ                 ต่างคนดื้อด้าน
มิยอมจะถอนวาจา
ศุภางค์, เจ้าได้กล่าวว่า           มิได้เสนหา
กับมัทนาอย่างใด
กูเห็นว่านางนั้นไซร้                  มีโทษผิดใหญ่
สมควรประหารชีวี
จงชักดาบออกบัดนี้                 แล้วรีบเร็วรี่
ไปตัดเอาหัวนางมา
ศุภางค์.                                   เทวะ
ชัยเสน.                                   ว่ากระไรหวา
ศุภางค์.                                   เทวะ-
ชัยเสน.                                   เออน่า
จะพูดก็อย่าร่ำไร
(อินทะวิเชียร, ๑๑)
ศุภางค์.                       ข้าเคยฉลองบาท                     ธุลิองค์พระทรงชัย
แต่เล็กประจวบใหญ่               บมิเคยจะขัดคำ
เมื่อมีพระบัญชา                      ละก็รับและรีบทำ
ถึงหากจะชอกช้ำ                     ฤจะเจ็บวรินทรีย์
แทบตายบวายเพียร                และผิยังบเสร็จดี
เพียรจนประจวบที่                   นรนาถะบัญชา
อังคาพะยพของ                      ดนุเป็นพยานว่า
เคยทนและเคยฝ่า                   พหุอันตรายแท้
ทั่วกายะข้านี้                           ฤก็มีนะบาดแผล
เพื่อได้แสดงแก่                        นรชนผิอยากดู
ทุกแผลก็สักขี                         จะแสดงกตัญญู
บาดเจ็บก็โดยภู-                      ธระใช้ประจญศึก
ในงานพระผ่านเผ้า                  บมิเคยจะหยุดนึก
ใช้ไหนก็ใจฮึก                         บมิเคยจะกลัวใคร
แต่ว่าณครานี้                          นรถาถะทรงใช้
ให้ข้าพระบาทไป                     และประหารพระชายา
ผู้ปราศจากมล-                        ทินโทษฉะนี้นา
ขอรับพระอาญา                      เพราะมิอาจจะรับใช้
อันชีวิของข้า                           จะพะวงก็หาไม่
ขอมอบถวายไว้                        ณ ธุลีละอองบาท
ไหนไหนจะตายแล้ว                 ละก็ขอทำนูลนาถ
ผู้คิดอุบายกาจ                         นะมิใช่พระเทวี
ซึ่งตามเสด็จจาก                      หิมะวันอรัญศรี
ต่อไปอมรมี                             วรทิพยะเนตรคง
เผยผายขยายลัก-                   ษณะผู้ขบถบ่ง
ชัดเจนจะเห็นตรง                    ฤว่ะคดนะคือใคร !
                              
(สุรางคณา, ๒๘)
ชัยเสน. อุเหม่ศุภางค์ ตัวมึงนี่ช่าง เจรจาสาไถย
ยิ่งพูดยิ่งนัว เข้าตัวร่ำไป มึงจะอยู่ไย หนักปัฐพี
เหวยนันทิวรรธน์ จับศุภางค์มัด เอาไปทันที
แล้วฆ่ามันให้ บรรลัยคืนนี้ คนคดอัปรีย์ มิควรอยู่นาน
ส่วนมะทะนา ก็อหังการ์ ริเริ่มเหิมหาญ
ขืนจะเอาไว้ ต่อไปไม่นาน ก็คงคิดการ ประหารกูตาย
จงเอาโฉมตรู ไปพร้อมกับชู้ ของนางโฉมฉาย
ฆ่าเสียด้วยไซร้ จะได้สมหมาย พร้อมพร้อมกันตาย ไปคู่เคียงกัน
ปริยัมวะทา ก็ชั่วหนักหนา ไม่ควรเลี้ยงมัน
จงขับนางออก นอกเมืองกูพลัน และอย่าให้มัน นั้นกลับคืนมา
ฝ่ายนางทาสี โทษก็ควรมี จงลงอาญา
ส่งมันจำไว้ ในตรุจนกว่า จะครบเวลา รวมได้สามปี
ตาพราหมณ์หมอเฒ่า วุ่นวายนักเล่า ผิดมากครานี้
จงตระเวนรอบ ขอบเขตธานี แล้วขับธชี พ้นเขตภารา 
 (นันทิวรรธนะถวายบังคม, แล้วพาตัวศุภางค์,ปริยัมวะทา, วิทูรและเกศินีเข้าโรงไปทางหลืบขวา. ท้าวชัยเสนนั่งตะลึงอยู่บนเตียงครู่ ๑ แล้วซบหน้าลงกับหมอนร้องไห้, พระนางจัณฑีออกทางหลืบขวา, ตรงไปกราบท้าวชัยเสน, และสำออย. อราลีแอบมองจากหลืบขวา.)
(อุปชาติ, ๑๑.)
จัณฑี.              พระทูลกระหม่อมแก้ว             ดนุนี้ทะนงนา
โดยฝืนพระบัญชา                   ก็เพราะรู้ว่าเกิดความ
ชั่วช้าและสามานย์                   คติแสนจะเลวทราม
มิหนำ ณ สงคราม                    พระก็ต้องพะวงนัก
คดีก็จบแล้ว                             ภยะแคล้วพระทรงศักดิ์
ผู้คิดขบถจัก                            บมิหาญละต่อไป
แต่ราชะสงคราม                      นะสิยังบหยุดได้
ดนูจะขอไป                             ณ สนามประยุทธา
เพราะอาจจะห้ามทัพ               วรราชบิดาข้า
ผู้ทรงพระโกรธา                       เพราะว่ะเข้าพระทัยผิด
คิดว่าพระองค์กับ                    ดนุนี้นะหมางจิต
ผิทราบพระทรงฤทธิ์                 และดนูบหมางกัน
พระจอมมคธราษฎร์                จะระงับพิโรธพลัน
แล้วมิตระสัมพันธ์                    ก็จะมีประดุจเคย
โอกาสวิเศษนี้                         บมิควรจะทิ้งเลย
ผิฝ่าพระบาทเฉย                     ละก็คงบตัดรบ
ชัยเสน.                        ชะเก่งละจัณฑี                        ชะชะมีอุบายครบ
เตรียมเพื่อจะตัดรบ                 รณะด้วยจะห้ามทัพ 
การศึกก็เธอก่อ                        ขณะนี้จะขอดับ
ผิฉันจะยอมรับ                        ก็จะอวดว่ะยอมแพ้
ฉะนั้นสิฉันมุ่ง                          รณะยุทธะอีกแท้
คอยดูเถิดหนอแน่                    ละจะฝากกำนลมา
ฉันคิดจะส่งเศียร                     มะคะธาธิราชา
แหละให้กะโฉมนา-                  ริขบถณสามี 
                              
(ท้าวชัยเสนลุกขึ้นกระทบตีนแล้วเดินดุ่มเข้าโรงทางซ้าย, พร้อมด้วยบริวารฝ่ายพระนางจัณฑีนั่งตะลึงอยู่. อราลีก็ชะเง้อมองอยู่ด้วยความตกใจ.)

(ปิดม่าน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น